• หน้าแรก
  •  
  • เติมเงิน
  •  
  • รายการสินค้า
  •  
  • วงจรโน๊ตบุ๊ค
  •  
  • ความรู้ไอที
  •  
  • เกี่ยวกับเรา
  •  
  • ติดต่อเรา
  •    
  • สมัครสมาชิก
  •    
  • เข้าสู่ระบบ
  •   
  • ซื้อ-ขายสินค้า

รายการสินค้า -

admin


สมัครเมื่อวันที่ : 2012-08-23 00:17:50


ความรู้เกี่ยวกับสายลำโพง และสายนำสัญญาณ
รายละเอียด :     สายลำโพง และสายสัญญาณนั้นมีความสำคัญต่อคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน แต่มักจะถูกมองข้ามเสมอๆ เมื่อคุณใช้เครื่องเสียงฟังเพลง ทางเลือกที่ถูกต้องสำหรับสายลำโพง และสายสัญญาณนั้น จะทำให้ชุดเครื่องเสียงที่คุณใช้อยู่เปล่งประสิทธิภาพได้มากขึ้น แต่ในทางกลับกัน สายแย่ๆ หรือสายที่นำมาใช้แล้วไม่เข้ากันกับระบบ ก็จะไม่ให้ความเป็นดนตรีกับคุณได้เต็มที่ อย่างที่มันควรจะเป็น และการรู้ว่าจะซื้อสายอย่างไรให้ดีที่สุดสำหรับเครื่องเสียง และประหยัดที่สุดจึงเป็นเรื่องจำเป็นเสียแล้ว



ในบทความนี้เรากำลังจะพาคุณไปมองถึงสายลำโพง และสายสัญญาณ เราจะกล่าวถึงสายแบบ Balanced และ Unbalanced, Bi-Wiring การจับคู่สายกับเครื่องเสียงของคุณ และวิธีการหาสายที่ดีที่สุดให้คุ้มค่ากับเงินที่คุณจ่ายไป ยิ่งกว่านั้น เราจะพาคุณไปดูกันซิว่า สายแพงๆ เหล่านั้นแน่จริงหรือเปล่าด้วย



แต่สำหรับตอนนี้ เรามาเริ่มกันก่อนด้วยการทราบถึงความหมายในทางเครื่องเสียงเกี่ยวกับสายลำโพง และสายนำสัญญาณดังต่อไปนี้



CABLE

ใช้อธิบายการเชื่อมต่อสายใดๆ ในระบบเครื่องเสียง CABLE ยังใช้อ้างอิงถึงการนำสัญญาณระหว่าง เพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์ และลำโพงอีกด้วย ซึ่งสายลำโพงนั้นจะต้องลำเลียงสัญญาณแบบ HIGH - CURRENT จากเพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์ไปยังลำโพง



INTERCONNECT

เป็นตัวนำสัญญาณเช่นเดียวกัน แต่เป็นการนำสัญญาณที่ระดับ LINE-LEVEL ซึ่งเป็นการส่งผ่านสัญญาณภายในระบบเครื่องเสียง INTERCONNECTS เป็นการเชื่อมต่อระหว่างแหล่งโปรแกรมที่ใช้อยู่ในระบบ (เช่น เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องเล่นซีดี จูนเนอร์ เทปเด็ค) และปรีแอมปลิไฟเออร์ และระหว่างปรีแอมปลิไฟเออร์เอง กับเพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์ ซึ่งการเชื่อมต่อระหว่างกันเช่นนี้ จะต้องใช้สายสัญญาณที่เรียกว่า INTERCONNECTED CABLE



UNBALANCED INTERCONNECT

สายแบบนี้มีตัวนำสัญญาณภายในสาย 2 ตัวนำสัญญาณ และโดยปกติจะต้อง TERMINATED ด้วยขั้วต่อสัญญาณแบบ RCA และมักจะรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ SINGLE-ENDED INTERCONNECT



BALANCED INTERCONNECT

สายแบบนี้มีตัวนำสัญญาณภายในสาย 3 ตัวนำสัญญาณแทนที่จะมีเพียง 2 เหมือน UNBALANCED INTERCONNECT และจะต้อง TERMINATED ด้วยขั้วต่อสัญญาณแบบ 3-PIN XLR CONNECTOR เท่านั้น BALANCED INTERCONNECT นั้นจะนำมาใช้สำหรับต่อระหว่างเครื่องที่มีขั้วต่อแบบ BALANCED INPUT และ OUTPUT รับกันเท่านั้น



DIGITAL INTERCONNECT

เป็นสายนำสัญญาณที่มีตัวนำสัญญาณเพียงหนึ่ง และจะนำสัญญาณ STEREO DIGITAL AUDIO เท่านั้น ซึ่งก็จะผนวกมาให้กับภาค CD TRANSPORT หรือเครื่องเสียงแบบ DIGITAL อื่นใด ที่จะต้องต่อเข้ากับ DIGITAL PROCESSOR



BI-WIRING

เป็นอีกวิธีสำหรับการเชื่อมต่อเพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์ไปยังลำโพง ด้วยการใช้สายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเส้น แทนที่จะใช้สายเพียงเส้นเดียวอย่างวิธีการปกติ



RCA PLUG AND JACK

บรรดาปลั๊ก และแจ๊คต่างๆ นั้นเป็นส่วนที่มีพบเห็นเป็นปกติสำหรับสัญญาณที่เป็นแบบ UNBALANCED ในเครื่องเสียงก็จะมี RCA แจ๊ค พร้อมสำหรับรับ RCA ที่เป็นขั้วต่อจากสายสัญญาณ UNBALANCED INTERCONNECT มาเสียบเข้าด้วยกัน



XLR PLUG AND JACK

ปลั๊กแบบ XLR นั้นเป็นขั้วต่อที่มี 3 PIN เพื่อที่จะมาต่อกับสายต่อระหว่างเครื่องแบบ BALANCED INTERCONNECT ตัว XLR แจ๊คนั้น จะมีแบบที่ผลิตขึ้นมาติดกับตัวเครื่องเล่นด้วย เพื่อรับตัวปลั๊กที่เป็นแบบ XLR ด้วยกัน



BINDING POST

เป็นการเสียบต่อบนเครื่องเพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์ และตัวลำโพง ที่แสดงจุดเชื่อมต่อสำหรับสายลำโพง



FIVE-WAY BINDING POST

เป็นรูปแบบหนึ่งของ BINDING POST ที่จะสามารถรองรับทั้งสายเปลือยขั้วต่อแบบ SPADE LUG หรือ BANANA PLUG ตัว FIVE-WAY POST นั้นจะพบอยู่ในเครื่องเล่นประเภท เพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์ และลำโพง



SPADE LUG

เป็นขั้วต่อลำโพงสำหรับลำโพงที่มีลักษณะแบน ทำเป็นง่ามคล้ายกับส้อมที่สามารถเสียบเข้ากับขั้วต่อลำโพง และเพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์ได้พอดี ขั้วแบบนี้เป็นขั้วต่อที่นิยมใช้กันมาที่สุดสำหรับการ TERMINATE สายลำโพง



BANANA PLUG AND JACK

BANANA PLUG นั้นบางทีเราสามารถพบมีการใช้กับสายลำโพงแทนการใช้ SPADE LUG ตัวBANANA PLUG นั้นจะเสียบเข้าในช่องที่ทำไว้โดยเฉพาะกับขั้วต่อแบบห้าทาง หรือที่แจ๊คแบบ BANANA เครื่องเสียงในแถบยุโรปจะใช้ BANANA JACK กับแอมปลิไฟเออร์ และลำโพง



AWG (AMERICAN WIRE GAUGE)

เป็นหน่วยวัดความหนาของตัวนำสัญญาณ สำหรับสายลำโพง ค่า AWG ที่มีตัวเลขต่ำๆ จะมีความหนาที่มากกว่า ยกตัวอย่างเช่น LAMP CORD มีค่า AWG เท่ากับ 18 ก็จะแปลได้ว่า มีค่าเท่ากับ 18 GAUGE



สายนำสัญญาณ และสายลำโพง จะเลือกอย่างไร??



โดยหลักนั้นทุกๆ ส่วนประกอบในระบบเครื่องเสียงนั้น ควรจะให้ความเป็นกลาง และตรงไปตรงมาอย่างที่สุด รวมถึงสายสัญญาณและสายลำโพงด้วย ไม่ควรมีผลใดๆ กับเสียงดนตรีทั้งสิ้น แต่เมื่อมันไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงเราจึงถูกบังคับไปกลายๆ ให้เลือกสายสัญญาณ และสายลำโพงที่มีลักษณะเสียงแตกต่างกันออกไปนอกเหนือจากตัวเครื่องเสียงเอง ซึ่งมี COLORATION พอสมควรอยู่แล้ว



ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเครื่องเสียงคุณให้เสียงที่สดใน และมีรายละเอียดดี สายลำโพงและสายนำสัญญาณที่จะทำให้เสียงมีความฉ่ำ ก็สามารถทำให้ย่านเสียงแหลมของชุดเครื่องเสียงคุณดีขึ้นไปอีก และทำให้คุณมีความสุขกับเสียงเพลงได้เพิ่มขึ้น ถ้าเสียงเบสส์นั้นมากเกินไป ดูอวบอ้วน การเลือกสายที่ใช้เสียงเบสส์น้อย หรือเป็นสายเน้นเสียงแหลม ก็จะช่วยลดเสียงเบสส์ที่มากอยู่นั้นให้ลดลงได้ กับชุดเครื่องเสียงที่หาอิมเมจไม่เจอ ก็อาจจะแก้ไขให้ดีขึ้น ด้วยการเลือกสายที่เน้นการพุ่งของเสียงเป็นพิเศษ

การเลือกสายลำโพงและสายนำสัญญาณสำหรับลักษณะดนตรีแบบใดๆ นั้น ควรจะมองจากการใช้งานในระบบเครื่องเสียงเป็นหลักเสียก่อน จะว่าไปเหมือนกับช่างที่ทำเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งกว่าชิ้นงานจะสำเร็จก็จะต้องใช้ทั้งเลื่อย ทั้งตะไบ และอุปกรณ์นานาชนิดกว่าจะได้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นดีสักชิ้นหนึ่ง คุณก็ควรจะใช้วิธีแบบเดียวกันนี้กับสายลำโพง และสายนำสัญญาณด้วย อย่างเช่นทดลองกลับสายในทิศทางการไหลเวียนสัญญาณอย่างถูกต้องเป็นต้น



สายลำโพงและสายนำสัญญาณนั้น ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับแก้ไขความเป็นดนตรี (จริงๆ) แล้วก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขความไม่เข้ากันทางไฟฟ้าของอุปกรณ์ด้วย อย่างเช่นคุณมีเพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์กำลังสูงอยู่ตัวหนึ่ง ใช้ขับลำโพงที่กินวัตต์มโหฬารอยู่คู่หนึ่ง เมื่อลองฟังแล้วเสียงเบสส์อ่อนยวบยาบ และไดนามิคแคบลง แบบนี้สายลำโพงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา คุณอาจจะเยียวยาเสียงเบสส์ที่อ่อนยวบยาบนั้นด้วยสายที่ถูกต้องได้ แต่ก็ไม่ได้ดีอะไรไปกว่าการแก้ปัญหาด้วยการจับคู่กับแอมป์กับลำโพงให้เข้ากันกว่าที่เป็นอยู่



สายสัญญาณที่ดีจะทำให้อุปกรณ์ทุกชิ้นในชุดเครื่องเสียงคุณ สามารถเปล่งประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยให้ชุดเครื่องเสียงที่แย่อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเสียงดีขึ้น คุณจึงอาจจะต้องเริ่มต้นด้วยระบบที่เลือกมาอย่างดี และมีคุณภาพพอสมควร พร้อมทั้งเลือกสายสัญญาณ สายลำโพงที่ช่วยให้ระบบเสียงของคุณนั้นทะบานไปถึงความเป็นดนตรีอย่างสูงสุดได้ จำไว้อย่างหนึ่งว่า สายลำโพง หรือสายสัญญาณไม่สามารถมีผลต่อการปรับปรุงคุณภาพเสียงทั้งหมดได้

ในชุดเครื่องเสียงทั่วๆ ไปก็จะมีแค่ลำโพงคู่หนึ่งกับสายของมัน ซึ่งถ้าเลือกจะต่อแบบ BI-WIRE ก็จะใช้สายลำโพงสองชุด นอกจากนั้นก็จะมีสายต่อระหว่างเครื่องคู่หนึ่งจากปรีแอมป์มาที่ เพาเวอร์แอมป์ อันนี้อาจจะใช้สายยาวๆ ได้ ส่วนที่เหลือก็จะเป็นสายต่อระหว่างเครื่องสำหรับเชื่อมต่อ ระหว่างแหล่งโปรแกรมภายในชุดเครื่องเสียง และตัวปรีแอมป์



ถ้าเพาเวอร์แอมป์นั้นวางอยู่ไม่ไกลจากลำโพงนัก สายลำโพงไปยังเพาเวอร์แอมป์ก็ใช้สายสั้นได้ และสายต่อจากปรีแอมป์ไปยังเพาเวอร์แอมป์ก็สามารถใช้สายที่ยาวขึ้นได้ ในทางกลับกันถ้าเพาเวอร์แอมป์นั้น วางอยู่ใกล้บรรดาแหล่งโปรแกรมทั้งหลายรวมทั้งปรีแอมป์ สามต่อระหว่างเครื่องจะใช้สายที่สั้นได้ แล้วใช้สายลำโพงที่ยาวขึ้นแทน



ยังไม่มีผู้ชำนาญพิเศษคนไหนสามารถชี้ชัดลงไปให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันว่า วิธีที่ว่ามานี้อย่างไหนถูกต้อง แต่ผมเองใช้สายต่อระหว่างเครื่องที่มีขนาดยาวพอสมควรสำหรับการต่อระหว่างเครื่อง ส่วนสายลำโพงนั้นก็ค่อนข้างสั้น แต่โดยทฤษฎีแล้ว สายต่อระหว่างเครื่อง และสายลำโพงนั้นควรจะมีขนาดสั้น แต่ก็มักจะนำหลักที่ว่านี้มาใช้ในความเป็นจริงไม่ค่อยได้



เมื่อคุณมีความรู้สึกกับชุดเครื่องเสียงของคุณว่า อาจจะถึงกาลเวลาทีจะต้องปรับเปลี่ยนอะไรสักอย่างสองอย่างแล้ว ก็ขอให้นึกเสมอว่าน่าจะรวมๆ เอาการเปลี่ยนสายลำโพง และสายสัญญาณเข้าไว้ในรายการของที่จะต้องเปลี่ยนด้วย เอาสายที่อยากได้รวมทั้งคิดคำนวณขนาดความยาวของมันไว้ด้วย พยายามให้ใช้ความยาวของสายแต่ละคู่ให้สั้นๆ เข้าไว้เท่าที่ทำได้ แต่ก็อย่าลืมเผื่อสายลำโพงให้ยาวๆ หน่อย เพราะไม่แน่ว่าคุณอาจจะต้องมีการขยับที่ตั้งลำโพงไปๆ มาๆ ในการจัดการกับระบบครั้งต่อไป

ลองหาที่วางปรีแอมป์ในชั้นอื่นๆ ของชั้นวางดูบ้าง หรือหาที่วางอื่นๆ เท่าที่อยากจะลอง และแม้ว่าเรายังคงอยากจะให้ความยาวของบรรดาสายต่างๆ มันสั้นเข้าไว้ก็ตามเพื่อให้เสียงดีที่สุด แต่อย่าให้สายต่อระหว่างเครื่องยาวเพียง 6 นิ้วก็แล้วกัน เพราะมันสั้นจนเว่อร์ไปหน่อย และอย่างไรก็ดีเมื่อคุณหาขนาดความยาวของสายที่จะต่อทั้งหมดได้แล้ว ก็พยายามเผื่อไว้อีกสักครึ่งเมตรเพื่อขยับปรับเปลี่ยนอะไรต่อไป



สายต่อระหว่างเครื่องนั้นมักจะขายเป็นแพ็คสำเร็จรูป อย่างแพ็คละ 1,1.5, และ 2 เมตร นี้ที่ทำขายก็ยาวพอสำหรับต่อเข้าปรีแอมป์แล้ว แต่อาจจะสั้นไปสำหรับการต่อปรีแอมป์ไปที่ตัวเพาเวอร์แอมป์ สำหรับ ปรี-เพาเวอร์บางคู่ ซึ่งจะต้องทำขึ้นพิเศษเพื่อที่จะได้ความยาวที่เหมาะสม สายลำโพงก็เหมือนกัน ปกติก็จะมีขายสำเร็จเป็นขนาด 8 หรือ 10 เมตรต่อคู่ แต่ยังไงความยาวที่ไม่เท่ากันก็สามารถสั่งตัดได้ แต่จะดีที่สุดถ้าจะให้ผู้ผลิตสายเข้าหัวต่อหรือแจ๊คด้วยเลยจะดีกว่าทำเอง



พยายามเอาใจใส่กับงบประมาณเรื่องของสายต่าง ๆ นี้เป็นพิเศษหน่อย ความสำคัญหลัก ๆ จะต้องเล็งไปยังแหล่งโปรแกรมที่คุณใช้งานมันหรือฟังมันบ่อยที่สุด อย่างคุณอาจจะไม่เน้นเอาสายดี ๆ ไปต่อกับ CASSETTE DECK หรือ จูนเนอร์ มากกว่า CD PLAYER



แล้วควรจะใช้สายลำโพง สายสัญญาณเป็นยี่ห้อเดียวกันทั้งหมดหรือเปล่า ? หรือว่าใช้สารพัดยี่ห้อถึงจะดี ?

อันนี้เราสามารถหาคำตอบได้ง่าย ๆ สองคำตอบ



ทางแรก

คือให้ทั้งระบบใช้สายลำโพงและสายสัญญาณยี่ห้อเดียวกันไปเลยโดยเลือกเอายี่ห้อที่ดีที่สุด ถ้าลองกับเครื่องหนึ่งเวิร์ก ที่เหลือมันก็ควรจะดี งั้นใช้มันเสียทั้งหมดเลย



ทางที่สอง

ก็คือใช้ของต่างยี่ห้อกัน เพราะสายลำโพงหรือสายสัญญาณแต่ละยี่ห้อมีผลกระทบกับเสียงต่าง ๆ กันไป การเลือกใช้สายชนิดและยี่ห้อเดียวกันตลอดทั้งหมดจะให้ลักษณะของเสียงที่สายนั้นทำได้ ถ้าเลือกให้ต่างกันแต่ละลักษณะของสายที่ให้เสียงต่างกันจะช่วยให้เสียงดนตรีออกมาได้สมบูรณ์และครบครันกว่า



นั่นคือสองทางเลือกที่มีความเห็นแตกต่างกันแต่ทว่าที่มานั้นมันมาจากกรรมวิธีแบบอนาล็อกจากการบันทึกเสียงเพียงวิธีเดียวกันเท่านั้น ก็คือ จากแหล่งสัญญาณที่เป็นอนาล็อกจะบันทึกผ่าน RECORDING CONSOLE เพียงยี่ห้อเดียว แล้วจากนั้นก็จะก็จะ MIX เสียงด้วย CONSOLE ต่างยี่ห้อกัน เพราะวิศวกรเหล่านั้นไม่อยากได้ยินเสียง CONSOLE ร้องเพลงบนแผ่นที่วางขายตามท้องตลาด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช้เครื่องบันทึกชนิดเดียวกันจากวิธีการบันทึกซ้ำ ๆ กันแน่



จากประสบการณ์ทำให้ผมได้ข้อคิดว่า มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์สำหรับสายลำโพง สายสัญญาณที่ดีที่สุดสำหรับชุดเครื่องเสียง นั่นก็คือการทดลอง และการฟัง ในบางกรณี ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอาจจะอยู่ที่ทั้งสายลำโพงและสายสัญญาณเป็นของผู้ผลิตรายเดียวกัน และในบางครั้งก็พบเช่นกันว่าเวลาเราหยิบสายต่างยี่ห้อมาใช้กลับได้ผลดีต่อชุดเครื่องเสียงเช่นกัน นี้จึงอยากจะบอกว่า มันเป็นเรื่องที่กำหนดกันตายตัวไม่ได้หรอกว่าสายอะไรจะเยี่ยมที่สุดสำหรับเครื่องเสียงคุณ



คนขายทั่ว ๆ เขาจะให้คุณลองเอาสายกลับไปลองสักสองสามยี่ห้อที่บ้านให้เห็นผล ถ้าเขาว่ามาตามนี้ก็ทำตามเสียบ้างเถิด เพราะนั่นถือเป็นการทดลองที่ดีและเห็นผล ในบางบริษัทก็อาจจะถึงขนาดที่ส่งเป็นเมล์ให้ไปลองที่บ้านกันเลยทีเดียว แล้วถ้าคุณชอบใจสายอันไหนก็เก็บไว้ จ่ายสตางค์แล้วส่งที่เหลือคืน ง่ายนิดเดียว อย่างนี้เป็นต้น



หากคุณเริ่มต้นได้ไม่ค่อยจะสวยนักกับชุดเครื่องเสียงที่ฟังแล้วกระท่อนกระแท่น การเลือกสายจะยิ่งยากและลำบากมากเข้าไปอีก มากเสียกว่าการเปลี่ยนเครื่องชิ้นใดเสียอีก เพราะสายที่มีองค์ประกอบต่างกันก็จะสร้างผลลัพธ์ที่ต่างกันไป ยิ่งกว่านั้นคุณก็ยังไม่มีข้อมูลอ้างอิงที่จะมาเป็นบรรทัดฐานว่าอันไหนสายดี อันไหนสายไม่ดีกันแน่ ในสถานการณ์เช่นนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คงจะต้องไปขอคำปรึกษาจากร้านขายเครื่องเสียงประจำของคุณ ลองนำสายลำโพงและสายสัญญาณที่เขาแนะนำมาลองดูสักหลาย ๆ ยี่ห้อ จะได้มีตัวเลือกที่มากขึ้น ซึ่งคุณก็จะฟังออกถึงความแตกต่าง



แล้วควรจะใช้สายลำโพง สายสัญญาณขนาดไหนกัน ?

ราคาของสายลำโพงและสายสัญญาณนั้น ความแพงหรือถูกของมันนั้น พวกการออกแบบและชื่อเสียงของผู้ผลิตนั้นมีผลต่อราคาอยู่บ้าง ไม่เหมือนกับสินค้าเครื่องเสียงอื่น ที่ราคาขายปลีกนั้น การกำหนดราคาส่วนสำคัญจะตกอยู่ที่ชิ้นส่วนภายใน ซึ่งราคาขายปลีกหน้าร้านนั้นปกติอาจจะเพิ่มขึ้นจากราคาชิ้นส่วนที่ประกอบขึ้นประมาณสี่ถึงหกเท่า



ดังนั้นสายลำโพงและสายสัญญาณ ก็อาจจะมีราคาที่ทำออกมาแล้วตลาดต้องรับได้ด้วย แนวโน้มที่ว่ามานี้ปรากฎขึ้น เมื่อบริษัทหนึ่งตั้งราคาสินค้าที่สูงกว่าเจ้าอื่น แล้วจากนั้น ผู้ผลิตรายอื่นก็เพิ่มราคาตามมาบ้าง เพราะไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นสินค้าคุณภาพไม่ดีเพราะราคาถูก แม้กระนั้นก็ตามสายลำโพงและสายสัญญาณบางตัวที่ราคาโหดเมื่อพิจารณาดูแล้วก็ยังเห็นว่าคุ้มเงินที่จ่ายไป แต่สำหรับบางยี่ห้อสร้างราคาเสียจนสูงแต่ให้คุณภาพที่น่าเกลียดก็มี



ด้วยงบประมาณที่กำหนดขึ้นด้วยวงเงินที่จำกัดเท่าที่นักเล่นเครื่องเสียงจะพึงหาได้ ก็พอสมควรแล้วที่จะได้สายลำโพงและสายสัญญาณมาใช้ในระดับดีๆ เราพบบ่อยๆ ว่าผู้ผลิตสายที่ผลิตออกมาวางตลาดด้วยราคาขายปลีกที่ต่ำคุณภาพเสียงที่ได้ก็ดีพอๆ กับไอ้เจ้าสายที่มีราคาแพงกว่าของราคาห้างที่ตั้งราคาสินค้าประเภท TOP OF THE LINE ก็มักจะมีราคาที่ดูแล้วน่าประทับใจ เพราะต้องการให้เห็นแล้วเป็นการสร้างภาพว่านี่คือสินค้าไฮเอ็นด์ทั้ง ๆ ที่ตัวสินค้ารุ่นที่ถูกกว่าก็ไม่ได้ให้ความแตกต่างกันเลย



ดังนั้นเวลาไปเดินเลือกซื้อสายลำโพงและสายสัญญาณก็ให้ลองฟังได้เจ้ารุ่นที่ราคาถูก ๆ ก่อนแล้วค่อยเขยิบไปฟังรุ่นที่แพงขึ้น เว้นเสียแต่ว่าคุณมีงบประมาณที่มากและเหลือเฟือสำหรับสายต่าง ๆ ถ้าทดลองดูดังนี้คุณอาจจะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาบ้างก็ได้



เนื่องจากเครื่องเสียงทุกชุดนั้นมีความแตกต่างกัน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมาคิดคำนวณกันจริง ๆ จัง ๆ ว่า จากที่คุณลงทุนไปกับเครื่องเสียงเนี่ย คุณควรจะใช้สตางค์เป็นกี่เปอร์เซ็นต์สำหรับที่จะใช้ลงทุนต่อกับสายลำโพงและสายสัญญาณทั้งหมด หากบอกว่าสักห้าเปอร์เซ็นต์ นี่ก็ยังน้อยไป ถ้าสักสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ก็อาจจะมากไปหน่อย อย่างนี้ก็กำหนดอะไรยาก ถูกไหมครับ



แต่ถ้าหันมามองใหม่ตรงที่ว่า ถ้าคุณเลือกสายสัญญาณและสายลำโพงเป็น แล้วเข้ากับชุดเครื่องเสียงของคุณได้อย่างที่ต้องการอย่างนี้ มันจะเป็นข้อกำหนดที่ไม่เยี่ยมยอดกว่า หรือทว่าสายห่วยๆ เมื่อมาใช้กับระบบเครื่องเสียงดีๆ ก็ทำให้เสียงออกมาไม่ได้เรื่องเหมือนกัน และนี่ถือว่าเป็นหลักการลงทุนทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาดอย่างชัดเจน



ก็ขอย้ำอีกครั้งว่าความแพงมหาโหดของสาย ไม่ได้มารับประกันว่าสายดีหรือไม่ดีกับชุดเครื่องเสียงคุณ อย่าทึกทักเอาเองว่าสายแพง ๆ จะต้องดีเสมอไป ให้ใจเย็นแล้วลองสายดูให้หลากชนิด หลากยี่ห้อ และหลากราคาเท่าที่จะทำได้ และในที่สุดคุณก็จะพบว่าการที่คุณเลือกแบบนี้จะได้สายที่เหมาะกับชุดเครื่องเสียงคุณด้วยราคาที่สมเหตุผล



จะเอามาฟังอะไร ?

สายลำโพงนั้นนำมาใช้สำหรับการประเมินคุณภาพเครื่องเสียง ซึ่งไม่เพียงแค่สายนำมาซึ่งการเป็นปัจจัยหนึ่งของเสียงที่ทำให้ชุดเครื่องเสียงมีความแตกต่างกัน แต่ลักษณะเสียงอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงเสียงนั้น กลับยังผลให้ความเป็นดนตรีในเครื่องเสียงชุดหนึ่ง โดดเด่นกว่าเครื่องเสียงอีกหลายๆ ชุด ยิ่งไปกว่านั้นการวัดระดับความพึงพอใจในเสียงที่เปลี่ยนแปลงด้วยตัวคุณเอง ก็นับเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ช่วยในการจำแนกความมีคุณภาพของสายสัญญาณและสายลำโพงสำหรับเครื่องเสียงนั้น ๆ ด้วย



ไม่ควรปักใจกับข้อมูลทางเทคนิคที่มีแต่ตัวเลขบนกระดาษลอยๆ กล่าวถึงความโดดเด่นใดๆ ที่สายยี่ห้อหนึ่งมีเหนือคู่แข่ง เนื่องจากนี่เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดเท่านั้น การที่จะเชื่อได้ว่าสายใดเข้ากันได้ดีกับชุดเครื่องเสียงคุณ หรือมีส่วนเกื้อกูลส่วนใดของระบบนั้น คุณควรเชื่อหูคุณเอง



การวัดความสามารถของสายสัญญาณและสายลำโพงนั้น มีความสอดคล้องกันอยู่ในระดับหนึ่ง อันเกี่ยวแก่เรื่องของสายที่สามารถเข้ากันได้ อย่าไปกังวลกับเรื่องการกลับขั้วใด ๆ ในอันดับแรก สิ่งที่ควรทราบก่อนอื่นเลยควรจะเป็นว่าสายสัญญาณและสายลำโพงนั้น ต้องการระยะเวลาในการวอร์มระยะหนึ่งก่อนที่จะให้ผลที่ดีที่สุดในเวลาต่อมา



ดังนั้นก่อนที่จะพ้นช่วงการวอร์มสาย เสียงส่วนมากที่มักจะได้ยินก็คือความสดใส หรือคม แข็ง ฟังแล้วไม่สบายหู หรือประการอื่นใด รวมกระทั่งการขาดความชัดลึกในด้านเวทีเสียง ลักษณะเช่นนี้นั้นจะปรากฏอยู่ในช่วงเวลาหลาย ๆ ชั่วโมง อาจจะเป็นวัน เป็นสัปดาห์ แล้วแต่กรณี เอาแน่ไม่ได้



แต่อย่างไรก็ดี ถ้าสายสัญญาณหรือสายลำโพงที่นำมาเปลี่ยนยังคงให้ลักษณะเสียงที่คม และแข็งกระด้างต่อไปหลังจากระยะเวลาที่คุณคิดว่าพอสมควรแล้วสำหรับสายบางรุ่น นี้อาจจะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นจากเดิมก็ได้ เพราะว่าในบางครั้งเวลาที่คุณใช้เล่นตามปกตินั้นอาจจะยังน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับการพ้นระยะเวลาการวอร์มสายด้วยระยะเวลาเพียงสองสามวัน เพราะคุณเปิดเครื่องเสียงให้สายมันถูกวอร์มไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง



เมื่อผ่านระยะเวลาแห่งความอดทนของคุณดังกล่าวมาแล้ว ทีนี้คุณก็พร้อมที่จะประเมินคุณภาพของสายสัญญาณ และสายลำโพงจริงๆ กันเสียที การรับฟังสัญญาณแรกเพียงสิบห้านาที ถึงครึ่งชั่วโมงก็นับว่าเพียงพอแล้ว จากนั้นให้ลองเปลี่ยนสายที่จะนำมาเปรียบเทียบเส้นถัดไป วิธีหนึ่งสำหรับการเลือกสายก็คือการที่คุณได้ถามตัวเองว่า เมื่อฟังแล้วคุณชอบใจเสียงที่ได้จากอันไหนมากกว่ากัน คุณไม่จำต้องวิเคราะห์ให้ถึงแก่นว่าจะได้ยินอะไรบ้าง แค่เลือกเอาเส้นที่ทำให้คุณรู้สึกดีกว่าก็พอแล้ว



อีกวิธีหนึ่งก็คือการพิจารณาเสียงที่คุณได้ยินจากสายสัญญาณพวกนั้น แล้วทำการเปรียบเทียบจุดแข็งจุดอ่อนของมันให้ชัดเจน แล้วทำการเปรียบเทียบกันยากนิดหนึ่ง อย่างสายเอ ฟังแล้วให้เสียงแหลมที่นุ่มนวลและให้รายละเอียดที่ดีกว่าสายบี อย่างนี้ก็มี อันนี้ก็จะมาพิเคราะห์กันได้ว่า ความนุ่มนวลของสายนั้นอาจจะทำให้รายละเอียดบางประการในดนตรีนั้นหายไป แต่สายที่ให้รายละเอียดดี อาจจะฟังดูชัด และอาจจะเลยไปเป็นคมก็ได้ ก็ย้ำอีกครั้งว่าต้องระมัดระวังการเปรียบเทียบด้วยตัวคุณเองให้จงมาก แต่อย่างไรก็ดีนี้เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยคุณในการเลือกสายต่าง ๆ ให้ถูกต้องได้



สายลำโพงและสายสัญญาณนั้นอันที่จริงคุณทราบไหมว่าสามารถได้ยินเสียงรบกวนหรือความเพี้ยนที่น่ารำคาญได้ ผมมีรายการเกี่ยวกับลักษณะเสียงที่ได้จากการใช้สายสัญญาณและสายลำโพงมาฝาก ลองดูนะครับไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้อะไรจากตรงนี้ไปบ้างก็ได้



- เสียงแหลมแตกหยาบกระด้าง

สายหลาย ๆ ชนิดให้เสียงแหลม หยาบ ๆ ฟังแล้วไม่สบายหู หรือฟังไม่ทน



- เสียงแหลมที่สดและคมเหมือนโลหะ

เสียงฉาบ CYMBAL จะฟังดูแล้วพุ่ง ล้ำหน้ากว่าเครื่องลมทองเหลืองที่ให้เสียงได้เจิดจ้ากว่าอยู่แล้ว และมักจะฟังออกว่าเสียงจะข่มซาวนด์สเตจ แทนที่จะให้เสียงแบบที่กระชับเป็นรูปทรง เสียงนักร้องที่ออกเสียงตัว S หรือ SH นั้น เน้นเกินไป เป็นเหตุให้ฟังแล้วเสียงแหลมดูล้ำหน้า ฟังดูแล้วเสียงแหลมไม่เปิด ซึ่งอันที่จริงฟังแล้วสายใด ๆ ก็ดีควรจะให้ลักษณะเสียงที่เปิดโล่งไม่บีบ และให้ปลายเสียงแหลมได้สุด โดยปราศจากการแต่งแต้มที่ให้เสียงแหลมสดเกินจริง



- เสียงตีกันและไม่มีความชัดเจน

เสียงเปียโนที่ฟังแล้วสดใสนั้นจะกลืนกับเสียงร้องของนักร้องที่ฟังรวมกันแล้วให้ความรู้สึกคลุมเครือแทนที่จะได้ความรู้สึกว่ามีความชัดเจนอยู่ในเพลงและฟังออกถึงลักษณะ TEXTURE ของเสียง



- ฟังแล้วเหนื่อย

สายสัญญาณ สายลำโพงที่ไม่ดีนั้นจะฟังออกอย่างรวดเร็วและได้ลักษณะอย่างที่กล่าวมาคือฟังแล้วเหนื่อย ไอ้ที่ว่าฟังแล้วเหนื่อยนี่ คือ ความรู้สึกปวดหัวและจะรู้สึกพักผ่อนคลายเมื่อดนตรีจบลง หรือเบาลง นี้คือความรู้สึกว่าไม่ฟังเสียยังจะดีกว่า พอดนตรีจบหรือหยุดลงจะรู้สึกเบาหูขึ้นมาทันที นี่เป็นความแย่ที่สุดที่อุปกรณ์เครื่องเสียงจะแย่ได้ ส่วนสายที่ดีนั้น (เฉพาะกับชุดเครื่องเสียงที่ดี) จะทำให้คุณฟังแล้วสามารถเปิดระดับความดังได้มากกว่าปกติและฟังได้นานกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าสายสัญญาณหรือสายลำโพงที่ซื้อมาฟังแล้วเหนื่อย ก็คงไม่ต้องไปหาสาเหตุอื่นที่เป็นต้นตอสำหรับปัญหาแล้วกระมัง



- ขาดเวทีเสียงและความชัดลึก

ลองฟังแผ่นที่ให้ความเป็นธรรมชาติของเสียงดี ๆ ที่ให้ความชัดลึกและ AMBIENCE ดีๆ แล้วนำมาฟังกับสายที่ให้ความลึกของซาวนด์สเตจ และสามารถบ่งบอกตำแหน่งของเครื่องดนตรีเป็นสามมิติได้ หากเป็นสายที่ไม่ดีคุณจะไม่ได้ลักษณะอย่างที่กล่าวมา



- แทบไม่มีรายละเอียดเหลืออยู่เลย

สายสัญญาณและสายลำโพงบางตัวฟังแล้วนุ่มนวล แต่ลักษณะดังกล่าวกลับบดบังรายละเอียดของเสียงที่ควรจะได้ไป ทดลองโดยการฟังที่ระดับความดังที่เบากว่าปกติ หากสามารถฟังออกถึงรายละเอียดของเสียงเครื่องดนตรีได้ก็ถือว่าเป็นสายที่อยู่ในระดับที่มีคุณภาพ



- ได้เสียงเบสส์หนา เอื่อยและไม่สามารถฟังออกว่าเสียงอะไร

สายที่มีคุณภาพไม่ดีนักมักจะสร้างปัญหาเรื่องเบสส์ ที่ฟังแล้วได้ลักษณะเสียงที่ช้าๆ หนาๆ และไม่สามารถจับโน้ตเบสส์ได้ เสียงเบสส์ที่ต่ำ ๆ นั้นจะฟังดูอ้วนกว่าที่จะฟังออกเป็นเนื้อเป็นหนัง เสียงเบสส์มักจะครางหึ่งๆ แทนที่จะเดินไปตามโน้ตดนตรีปกติ



- ไดนามิกหดหาย

การทดลองฟังสายสัญญาณสายลำโพงที่สามารถทำให้เรารู้สึกรับรู้ถึงโครงสร้างดนตรีที่แตกต่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรีที่มีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ตาม ยกตัวอย่างเช่นเสียง การตีคอร์ตกีตาร์นั้นควรจะได้เสียงที่เร็ว โดยมีขอบเขตที่แน่นอน ส่วนเสียงจากวงดนตรีที่มีขนาดใหญ่อย่างเช่น วงออร์เคสตร้า ในช่วงโหมโรง ควรจะรู้สึกได้ถึงกำลังและการตกกระทบที่ชัดเจน



ผมว่าการนำสายที่ให้สีสันของเสียงกับระบบเสียงคุณเพื่อแก้ปัญหาเรื่องเสียงในชุดเครื่องเสียงที่ใช้อยู่ อย่างเช่นการนำสายลำโพงที่ให้เสียงทุ้มได้ดีจับคู่กับลำโพงที่ให้เสียงแหลมเจิดจ้า ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง แทนที่คุณจะใช้เงินที่มีอยู่สำหรับการเลือกซื้อสายใหม่เพื่อส่งเสริมลำโพงให้เสียงดีกว่าเดิมอีก สายลำโพงและสายสัญญาณไม่ใช่เครื่องแก้ปัญหานะครับ แต่สายลำโพง สายสัญญาณ เป็นส่วนช่วยเสริมส่วนที่ชุดเครื่องเสียงคุณไปไม่ถึงให้ทะยานไปได้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ต่างหาก



การเชื่อมต่อปลายสายด้วยขั้วต่อ

การเชื่อมปลายสายด้วยขั้วต่อ หรือ TERMINATOR นั้น เราพบว่าขั้วต่อนั้นมีคุณภาพให้เลือกอย่างหลากหลาย ตั้งแต่ชนิดที่เป็นแบบรูสปริงกดเล็ก ๆ แล้วปอกสายเสียบเข้าไปในลำโพง ราคาถูก ไปจนถึงระดับที่ทำเองด้วยมือ หรือแบบผลิตด้วยเครื่อง เป็นขั้วต่อทองเหลือง หรือทำจากโลหะนำสัญญาณชั้นดีต่าง ๆ ขั้วต่อสายชั้นเลวนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยลดระดับคุณภาพเสียงที่ควรจะได้ลงไปเท่านั้น แต่ยังแตกหักเสียหายง่ายเสียด้วย



ดังนั้น เวลาเดินเลือกซื้อแอมปลิไฟเออร์หรือลำโพงก็ดูขั้วต่อด้านหลังให้ละเอียดสักนิดเพื่อที่จะได้คุณภาพที่ดีกว่าเดิม ขั้วต่อที่เห็นมากที่สุดและเป็นชนิดที่นิยมกันมากที่สุดนั้นก็คงจะเป็นขั้วต่อแบบห้าทาง ซึ่งสามารถรองรับขั้วเสียบชนิดต่าง ๆ เช่น BANANA PLUG, SPADE LUG หรือBARE WIRE ได้ บางชนิดก็ทำออกมาด้วยโลหะนิกเกิล หรือดีกว่านั้นเลยก็จะเป็นชุบทองแบบที่ทิ้งไว้นาน ๆ แล้วไม่ลอกไม่ดำนั่นแหละ



ขั้วต่อห้าทางแบบนี้ควรจะขันให้แน่นด้วยประแจขนาดครึ่งนิ้ว ไม่ให้ตัว SOCKET หรือเกิดการขยับขึ้นในระหว่างการขับเสียงในระดับความดังกว่าปกติ การเชื่อมต่อใด ๆ กับชุดเครื่องเสียงในระดับความดังกว่าปกติ การเชื่อมต่อใด ๆ กับชุดเครื่องเสียงนั้นควรจะมีความแน่นหนา แต่ไม่ใช่ขันแน่นเสียจนเกลียวหวานเลย ทำให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นกับลำโพงและแอมปลิไฟเออร์



ขั้วต่อแบบ CUSTOM POST นั้นส่วนมาพบว่าจะทำด้วยโลหะที่มีความแข็งแรงกว่าขั้วต่อแบบห้าทาง โดยสามารถรองรับสายขนาดต่าง ๆ ได้อย่างสบายและสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่หลุด เลื่อนออกจากตัวเครื่อง CUSTOM POST นั้น สามารถพบได้กับเครื่องเสียงราคาแพง ๆ



ขั้วต่อบางชนิดนั้นมีรูสำหรับ SPADE LUG ที่กว้างเกินไป ทำให้ไม่แน่นหนาเมื่อใช้งานจริง ที่ทำรูเอาไว้ให้มีขนาดกว้างกว่าปกติก็เพื่อจะรองรับสายขนาดใหญ่หรือ BANANA JACK แต่อย่างไรก็ดีก็สามารถพบขั้วต่อพวกนี้ได้กับเครื่องเสียงระดับไฮเอ็นด์เช่นเดียวกัน หากเครื่องเสียงคุณมีขั้วต่อแบบนี้ก็ให้หาขั้วต่อสายลำโพงที่มีขนาดใหญ่พิเศษ ตัว SPADE LUG ขนาดปกตินั้นจะมีขนาดประมาณ 1/4 นิ้ว ถึง 3/16 นิ้ว ส่วนขนาดใหญ่พิเศษนั้นจะมีขนาดถึง 5/16 นิ้ว ซึ่งมากพอที่จะทำให้การเชื่อมต่อสายเป็นไปได้ด้วยความมั่นคงและแข็งแรง



หากคุณเลือกใช้วิธีการเข้าสายกับขั้วต่อด้วยการปอกสายเปลือย BANANA PLUG หรือ SPADE LUG กับขั้วต่อลำโพง ก็ขอให้เลือก SPADE LUG ไว้ก่อน เพราะลักษณะของ SPADE LUG นั้นทำขึ้นมาให้ตอบรับกับขั้วลำโพงได้ดีที่สุด และนับเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อที่มีใช้กันทั่วไป

และก็ควรจะระมัดระวังในเรื่องคุณภาพของขั้วต่อต่าง ๆ ด้วย เพราะมีส่วนทำให้เสียงจากเครื่องเสียงแย่ลงแน่นอนไม่มากก็น้อย นักเล่นเครื่องเสียงบางท่านถึงกับลงทุนเปลี่ยนบรรดา ปลั๊ก แจ๊คต่าง ๆ ทั้งหมด โดยเชื่อว่าจะทำให้เสียงดีขึ้นได้ แต่นี่เป็นเรื่องที่โอเวอร์เกินไปหน่อย และการปรับเปลี่ยนขั้วต่อที่ติดอยู่กับเครื่องเสียงหรือลำโพงนั้นเป็นไปได้ยากหรือไม่สามารหถกระทำได้เอาเสียเลย การเชื่อมต่อสายแบบถาวรนั้นก็เป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งแต่ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ



สายลำโพงแบบ BI-WIRED

การเชื่อมต่อสายลำโพงในลักษณะ BI-WIRED นั้นเป็นการใช้สายลำโพงอีกคู่หนึ่งต่อระหว่างแอมปลิไฟเออร์กับลำโพง เทคนิคการต่อแบบนี้นั้นทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนกว่าการใช้สายลำโพงเดี่ยว ๆ ลำโพงชั้นดีระดับไฮเอ็นด์นั้นมักจะมีขั้วต่อด้านหลังมาให้สองชุด สำหรับต่อกับตัวขับเสียงแหลมหนึ่งชุด และอีกหนึ่งชุดที่เหลือก็สำหรับตัวขับเสียงต่ำ นอกจากนั้นก็จะมี JUMPER มาให้เชื่อมกัน ระหว่างขั้วต่อเพื่อเป็นการง่ายเมื่อต้องการต่อแบบ BI-WIRED ในภายหลัง



ในระบบที่มีการต่อสายแบบ BI-WIRED นั้น เพาเวอร์แอมป์จะดูเหมือนกับให้ค่าความต้านทานที่สูงกว่ากับสายลำโพงที่ต่อเข้ากับลำโพงเสียงแหลม ณ ร
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บริการ ซ่อม ประกอบ อัพเกรด คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค ปริ้นเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วง ปรึกษาปัญหาคอมพิวเตอร์
แนะนำการเลือกซื้อ สินค้า ไอที บริการ คอมพิวเตอร์ พื้นที่ จ.ลำปาง และจังหวัดใกล้เคียง โทร 054-010429 , 083 - 3235992
Copyright © online-ccs.com / Facebook : comcenter.service

ส่งซ่อม โน๊ตบุ๊ค Notebook ผ่าน EMS ทั่วประเทศ ซ่อม โน๊ตบุ๊ค กรุงเทพมหานคร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค กระบี่ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค กาญจนบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค กาฬสินธุ์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค กำแพงเพชร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ขอนแก่น , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค จันทบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ฉะเชิงเทรา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ชลบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ชัยนาท , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ชัยภูมิ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ชุมพร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค เชียงราย , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค เชียงใหม่ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ตรัง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ตราด , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ตาก , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครนายก , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครปฐม , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครพนม , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครราชสีมา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครศรีธรรมราช , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นครสวรรค์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นนทบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค นราธิวาส , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค น่าน , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค บึงกาฬ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค บุรีรัมย์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ปทุมธานี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ประจวบคีรีขันธ์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ปราจีนบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ปัตตานี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พระนครศรีอยุธยา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พังงา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พัทลุง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พิจิตร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พิษณุโลก , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค เพชรบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค เพชรบูรณ์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค แพร่ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค พะเยา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ภูเก็ต , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค มหาสารคาม , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค มุกดาหาร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค แม่ฮ่องสอน , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ยะลา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ยโสธร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ร้อยเอ็ด , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ระนอง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ระยอง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ราชบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ลพบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ลำปาง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ลำพูน , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค เลย , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค ศรีสะเกษ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สกลนคร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สงขลา , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สตูล , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สมุทรปราการ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สมุทรสงคราม , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สมุทรสาคร , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สระแก้ว , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สระบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สิงห์บุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สุโขทัย , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สุพรรณบุรี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สุราษฎร์ธานี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค สุรินทร์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค หนองคาย , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค หนองบัวลำภู , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค อ่างทอง , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค อุดรธานี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค อุทัยธานี , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค อุตรดิตถ์ , ซ่อม โน๊ตบุ๊ค อุบลราชธาน